การจัดฟัน
เทคโนโลยีการจัดฟัน เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาการสบฟัน ไม่ว่าจะเป็นฟันห่าง ซ้อน เก ฟันเหยิน , ฟันล่างคร่อมฟันบน (คางยื่น) , ปลายฟันชนปลายฟัน ทำให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยว ไปจนถึงปัญหาในระดับโครงสร้างของปากที่อาจส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน และการสบฟัน ในปัจจุบัน การจัดฟันมีการพัฒนาหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการรักษา ความเจ็บตึง ไปจนถึงรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งนี้ คนไข้ควรทำการศึกษาความแตกต่างของการจัดฟันแต่ละแบบ
สาเหตุของการจัดฟัน
-
ฟันหน้ายื่น เป็นปัจจัยต้นๆที่ทำให้คนไข้ตัดสินใจจัดฟัน จากการที่ขากรรไกรไม่รองรับฟันทั้งหมด จนต้องดันตัวออกมาทางด้านหน้า
-
ฟันล่างคร่อมฟันบน ทำให้มีลักษณะคางยื่น การสบฟันผิดปกติ ส่งผลให้การบดเคี้ยวไม่สมบูรณ์
-
ฟันซ้อน เก สาเหตุมักมาจากขากรรไกรแคบ ที่ไม่พอสำหรับการเรียงตัวปกติของฟัน ทำให้เกิดการซ้อนเกยกันอย่างไม่มีระเบียบ
-
ฟันไม่สมมาตร เกิดจากการที่ฟันบนและล่างดันกันไปมา ทำให้เกิดการเรียงตัวที่ไม่สมมาตร ก่อให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ ทั้งการเรียงฟันที่ไม่มีระเบียบ ไปจนถึงการบดเคี้ยวที่ไม่สมบูรณ์
-
ฟันคุด ฟันกรามใหญ่ที่ไม่สามารถงอกออกมาในสภาวะปกติ อาจมีการดันฟันซี่อื่น ทำให้การเรียงตัวไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็น
1.การจัดฟันแบบโลหะ (Metal braces)
เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาถูกที่สุดในทางเลือกทั้งหมด เป็นการติดตั้งชิ้นส่วนโลหะแบบติดแน่นบนฟัน จากนั้นจะทำการติดยางสีเพื่อใช้ในการดึงฟันให้เข้าตำแหน่งตามรูปทรงที่เหมาะสม การจัดฟันรูปแบบนี้มีเงื่อนไขที่ต้องนัดพบทันตแพทย์ทุกเดือน เพื่อเปลี่ยนยาง ส่วนระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของปากของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ
-
ทันตแพทย์จะทำการเอ็กซ์เรย์และพิมพ์ปาก เพื่อตรวจสอบภาพรวมของการสบฟันและการเรียงตัวของฟันในช่องปาก จากนั้นทันตแพทย์จะวางแผนการรักษา เพื่อประเมินระยะเวลาและค่าใช้จ่ายคร่าวๆให้คนไข้ตัดสินใจ
-
โดยปกติทันตแพทย์จะแนะนำให้คนไข้ทำการรักษาอื่นๆให้เรียบร้อยก่อน เช่น ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน อุดฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟันผุลุกลามในระหว่างที่จัดฟันอยู่
-
ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือโลหะเข้ากับฟัน จากนั้นจึงใช้ลวดในการดึงฟันให้ไปตามแนวทางที่ต้องการ
-
ทุกเดือน ทันตแพทย์จะนัดหมายเพื่อตรวจสอบความคืบหน้า ไปจนถึงเปลี่ยนยาง และดึงลวดใหม่
-
เมื่อฟันเข้าที่เรียบร้อย ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือออก และทำรีเทนเนอร์ไว้ให้ใส่ เพื่อเป็นการรักษาสภาพ ไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม
2. การจัดฟันแบบดามอน (Damon braces)
การจัดฟันดามอนเป็นตัวเลือกสำหรับคนไข้ที่กังวลเรื่องความเจ็บตึงจากการจัดฟัน โดยจะเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Damon ที่ไม่ต้องใช้ยางในการรัด แต่ทำให้ลวดยึดติดอยู่บนวัสดุติดฟันได้เลย จึงไม่ทำให้เกิดแรงดึงที่มากจนเกินความจำเป็น
3. การจัดฟันแบบ Invisalign
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมองผิวเผินจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้คนไข้สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้ง่าย ไม่สะดุดตา โดยแพกเกจการจัดฟันของ Invisalign จะแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องมือที่ใช้ในการจัดฟัน ได้แก่
Invisalign i7 - ใช้เครื่องมือไม่เกิน 7 ชิ้น สามารถจัดให้เข้ารูปได้ภายใน 2 เดือน เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยจัดฟันมาก่อนแล้วฟันเคลื่อนเล็กน้อย
Invisalign lite - ใช้เครื่องมือ 7-14 ชิ้น เหมาะสำหรับเคสที่ไม่ซับซ้อน หรือคนไข้ที่เคยจัดฟันมาก่อนแล้วฟันเคลื่อน สามารถจัดให้เข้ารูปได้ภายใน 4 เดือน
Invisalign full - ใช้เครื่องมือ 15 ชิ้นขึ้นไป เหมาะสำหรับเคสที่ค่อนข้างซับซ้อน สามารถจัดให้เข้ารูปได้ภายใน 6 เดือน
ขั้นตอนการจัดฟันระบบ Invisalign
-
ทันตแพทย์จะทำการเอ็กซ์เรย์และพิมพ์ปาก เพื่อตรวจสอบภาพรวมของการเรียงตัวของฟันในช่องปากอย่างละเอียด
-
ข้อมูลสุขภาพช่องปากของคนไข้ จะถูกส่งไปที่แล็บของ Invisalign ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อประเมินแผนการรักษา
-
ทางแล็บส่งรายละเอียดแผนการรักษาของคนไข้ กลับมาให้ทันตแพทย์ เพื่อชี้แจงรายละเอียดแผนการรักษา จำนวนชิ้นงาน ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการรักษาให้คนไข้ทราบ
-
ทันตแพทย์นัดให้คนไข้เข้ามารับชิ้นงานเครื่องมือจัดฟันใส ที่ถูกออกแบบมาให้เฉพาะคนไข้ พร้อมรับคำแนะนำในการช้ การดูแลรักษา
-
ทันตแพทย์จะนัดเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยทุกๆ 2-3 เดือน และมอบชิ้นงานใหม่จนกว่าจะจัดฟันเรียบร้อย
-
เมื่อฟันเข้าที่เรียบร้อย ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือออก และทำรีเทนเนอร์ไว้ให้ใส่ เพื่อเป็นการรักษาสภาพที่ฟันที่จัดนี้ให้คงที่ ไม่เคลื่อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม
4. การจัดฟันแบบ Clear Aligner
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนไข้ที่ต้องการจัดฟันแบบใส เทคโนโลยี Clear Aligner จะเป็นการจัดฟันแบบใสที่พัฒนาขึ้น และผลิตชิ้นเครื่องมือในประเทศไทย ทำให้ราคาค่าใช้จ่ายถูกกว่า Invisalign เมื่อเทียบจากจำนวนเครื่องมือที่เท่ากัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน
การจัดฟันแบบโลหะ
ข้อดี
-
ราคาถูกที่สุด
-
เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เพราะสามารถเลือกเปลี่ยนสียางเพื่อความสวยงาม
ข้อเสีย
-
รักษาความสะอาดยาก
-
เกิดอาการเจ็บตึงรุนแรง ไปจนถึงอาการเจ็บเนื้อเยื่อริมฝีปากจากลวดบาดในบางครั้ง
-
อาจมีการถอนฟันบางซี่ เพื่อให้เกิดพื้นที่ในการเรียงตัว
-
ใช้เวลานานกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่น
การจัดฟันแบบดามอน
ข้อดี
-
ใช้เวลาน้อยกว่าการจัดฟันแบบปกติ
-
มีอาการเจ็บตึงน้อยกว่าการจัดฟันแบบเดิม
-
พบแพทย์น้อยครั้งกว่า
-
รักษาความสะอาดได้ง่าย ลดโอกาสการเกิดฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ
-
พบว่าการจัดแบบดามอน มักไม่ต้องถอนฟันคนไข้
ข้อเสีย
-
ราคาก้าวกระโดดเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ
การจัดฟันแบบ Invisalign
ข้อดี
-
ใช้เวลาสั้นกว่า
-
ใส่สบาย ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ข้อเสีย
-
ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่น
-
ไม่เหมาะสำหรับเคสที่มีความซับซ้อนมาก เหมาะสำหรับเคสที่ขยับฟันไม่มาก
การจัดฟันแบบ Clear Aligner
ข้อดี
-
ราคาย่อมเยาว์กว่า Invisalign
-
ใส่สบาย ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ข้อเสีย
-
ค่าใช้จ่ายยังถือว่าสูง กว่าการจัดฟันรูปแบบอื่น
-
ไม่เหมาะสำหรับเคสที่มีความซับซ้อนมาก เหมาะสำหรับเคสที่ขยับฟันไม่มาก
-
ค่าใช้จ่ายขึ้นตามจำนวนครั้ง จึงไม่สามารถสรุปค่าใช้จ่ายได้แน่นอน
-
ทันตแพทย์จะมีการนัดมาพิมพ์ปากอยู่เรื่อยๆ เพื่อออกแบบชิ้นงาน ต่างจาก Invisalign ที่แผนการรักษาถูกวางมาตั้งแต่แรก
ขั้นตอนการดูแลรักษาระหว่างการจัดฟัน
-
แปรงฟันตอนเช้า หลังมื้ออาหาร และก่อนนอน ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
-
ใช้เส้นไหมขัดฟัน (Dental Floss) ในการทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็ง/กรอบ เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว เพราะอาจติดเครื่องมือจัดฟัน ทำให้ยากต่อการทำความสะอาด
-
หลีกเลี่ยงการใช้ฟันกัดผลไม้โดยตรง แนะนำให้หั่นเล็กๆเป็นชิ้นพอดีคำ
-
ห้ามใช้งานฟันผิดประเภท เช่น ใช้ฟันกัดยางลบ กัดเล็บ เปิดฝาขวด
-
มาพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อปรับเครื่องมือจัดฟันตามขั้นตอน
-
นัดขูดหินปูน และเช็คสภาพฟัน ทุก 6 เดือน เพื่อป้องกับเหงือกอักเสบ
-
กรณีปลายเหล็กทิ่มกระพุ้งแก้ม ให้เอาขี้ผึ้งจัดฟันติดบนปลายลวด และมาพบทันตแพทย์
-
หากมีเหตุฉุกเฉิน ให้นัดพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขให้เร็วที่สุด